ใบงานที่ 13

ศึกษาดูงานนครศรีธรรมราช - เวียงจันทร์  17-22 ม.ค.2553
 
1.นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
   ไทยลาวก็พี่น้องกัน บ้านพี่เมืองน้อง ถ้าตามประวัติศาสตร์ไทยลาวคือประเทศเดียวกัน เราต้องถูกแบ่งแยกดินแดน ใน
ครั้งที่ 10 ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (อาณาจักรล้านช้าง หรือประเทศลาว) ให้กับฝรั่งเศส เมื่อ 3 ตุลาคม 2436 พื้นที่ 143,000 ตร.กม. ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นของไทยมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร ต้องเสียให้กับฝรั่งเศสตามสัญญาไทยกับฝรั่งเศส เท่านั้นยังไม่พอ ฝรั่งเศสเรียกเงินจากไทย 1 ล้านบาท เป็นค่าเสียหายที่ต้องรบกับไทย เสียค่าประกันว่าไทยต้องปฏิบัติตามสัญญาอีก 3 ล้านบาท และยังไม่พอฝรั่งเศสได้ส่งทหารมายึดเมืองจันทบุรีและตราด ไว้ถึง 15 ปี นับว่าเป็นความเจ็บปวดที่สุดของไทยถึงขนาดที่เจ้านายฝ่ายในต้องขายเครื่อง แต่งกายเพื่อนำเงินมาถวาย ร.5 เป็นค่าปรับ ร.5 ต้องนำถุงแดง(เงินพระคลังข้างที่) ออกมาใช้ แต่ถึงอย่างไร สิ้นค้าต่างๆที่อยู่ในประเทศลาว ก็เป็นสินค้าที่นำเข้าไปจากไทย มีความรู้สึกว่าอยู่ในลาวก็เหมือนอยู่ในประเทศไทยสภาพบ้านเรือนใกล้เคียงกับสภาพต่างจังหวัดของประเทศไทย สำเนียงภาษาแตกต่างกันแต่ก็สามารถสื่อสารกับเราได้ เพราะจากการพูดคุยเค้าจะดูละครของไทย ฟังเพลงไทย พูดไทยชัด สินค้าที่จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นสินค้าเลียนแบบ คุณภาพเหมาะสมราคา
2.โรงเรียนอนุบาลหนองคาย

โรงเรียนอนุบาลหนองคายเป็นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของโรงเรียนที่มาเยี่ยมเยียน ชื่นชมการบริหารงานของ ผอ.สัมฤทธิ์ เจริญดี คณะครูให้การต้อนรับเป็นกันเอง ยิ้มแย้ม แจ่มใส อบอุ่นมากครับทั้งที่อากาศวันนั้นหนาว เป็นโรงเรียนทีมีบริเวณกว้างขวาง ประสบการณ์ที่ได้รับจากการบรรยายของผู้อำนวยการ ทำให้เห็นการทำงานเป็นทีมร่วมคิดร่วมทำร่วมนำร่วมประสาน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังจะเห็นได้จากมีครูได้รับวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ จำนวนมาก        และผู้บริหารให้ความเป็นกันเองกับผู้ร่วมงาน สิ่งสำคัญคือ    ผู้บริหารมีความรับผิดชอบในการบริหารงาน ทั้งต่อตนเองและผู้ร่วมงาน เป็นโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จในหลายๆด้าน เช่น โรงเรียนรางวัลพระราชทานระดับประถมศึกษา
โรงเรียนผู้นำการเปลี่ยนแปลง โรงเรียนต้นแบบการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551โรงเรียนต้นแบบการจัดการศึกษาปฐมวัย โรงเรียนวิถีพุทธ  โรงเรียนส่งเสริมสุภาพ  และ โรงเรียนดีศรีหนองคาย เป็นต้น 
3.หมู่บ้านงูจงอาง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น  

เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ประทับใจอีกแห่ง ปกติเป็นคนกลัวงู เห็นงูจงอางตัวใหญ่ ประทับใจกับการแสดงคนกับงู เป็นหมู่บ้านที่มีการบริหารจัดการของคนในหมู่บ้านร่วมกันทำให้เกิดรายได้เข้าสู่หมู่บ้าน เป็นที่รู้จักกันทั้งในไทยและต่างประเทศ









4.ผ้าทอ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น

เมืองชล ของคนขอนแก่น หมายถึง อ. ชลบถ ซึ่งหมายถึงถิ่นที่มีน้ำมากหรือมีน้ำผ่าน อันเป็นชื่อเดิมของ อ. ชนบทในปัจจุบันอ. ชนบทนับเป็นศูนย์รวมผ้าไหมของประเทศไทย โดยเฉพาะผ้าไหมมัดหมี่ซึ่งมีชื่อเสียงมาก ย่านตลาดของตัวอำเภอมี ถนนสายไหม ที่มีร้านจำหน่ายผ้าไหมเรียงรายกันมากกว่า   60   ร้าน ผ้าไหมของ อ. ชนบทถูกส่งไปขายทั่วประเทศ มีตลาดรองรับที่แน่นอน สร้างรายได้จำนวนมากให้ชาวชนบทผู้คนที่นี่ทุกเพศทุกวัยทอผ้าเป็นจนมีคำกล่าวว่า หญิงทอผ้าได้ ชายทอดี ลูกเล็กเด็กแดงก็ทอเป็นกันหมดŽ ฝีมือช่างทอผู้ชายนั้นได้รับรางวัลจากการประกวดผ้าไหมทั้งระดับชาติและนานาชาติมาแล้วมากมาย
สิ่งน่าสนใจ
เมืองผ้าไหม แถบทุกครัวเรือนใน อ. ชนบท ผู้คนทั้งหญิงชายเด็กผู้ใหญ่นั่งทอผ้าบริเวณใต้ถุนบ้านกันเป็นล่ำเป็นสัน โดย เฉพาะช่วงว่างเว้นจากการทำนา ทุกบ้านมีเครื่องมือการทอผ้าการสาวไหมครบถ้วน นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมหรือพูดคุย แม้จะไม่ซื้อก็ขอชมงานผ้าทอของพวกเขาได้ย่านตลาดในตัวอำเภอ มีถนนสายไหม เป็นถนนซึ่งทางอำเภอกำหนดขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่บริเวณสี่แยกหน้าที่ว่าการอำเภอยาวไปตลอดบน   ถ. ศรีบุญเรือง ถึงสี่แยก ถ. บึงแก้ว เลี้ยวซ้ายไปตาม ถ. บึงแก้ว และเลี้ยวซ้ายอีกครั้งไปตาม ถ. ขจิตพัฒนา จนถึง ถ. แจ้งสนิทหรือทางหลวงหมายเลข 229 เมื่อเลี้ยวซ้ายจะวนกลับมาหน้าที่ว่าการอำเภออีกครั้ง เส้นทางวนเป็นวงกลมผ่านร้านค้า ผ้าไหมที่เรียงรายอยู่กว่า 60 ร้าน ด้านหลังบางร้านเป็นโรงงานทอผ้าโดยฝีมือช่างชาวชนบท สามารถขอเข้าเยี่ยมชมได้ รถทัวร์มักจอดพักให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อผ้าไหมผ้าไหมของ อ. ชนบทมีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะผ้าไหมมัดหมี่ เคยได้รับรางวัลชนะเลิศจากงานมหกรรมสิ่งทอเอเชีย เมื่อปี พ.ศ. 2535   ลายมัดหมี่ที่เป็นเอกลักษณ์สืบทอดกันมาของชาวชนบท มีลายหมี่กง         ลายหมากเป้่ง ลายหมี่ของพระเทพฯ เป็นต้น
5.นมัสการย่าโมเมืองโคราช
เป็นอนุสรณ์แด่วีรกรรมอันกล้าหาญของวีรสตรีไทย หรือย่าโม ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันติดปากโดยทั่วไป สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2476 ตั้งอยู่กลางเมือง ชาวต่างถิ่นที่แวะมาเยือนและชาวเมืองโคราชนิยมมาสักการะและขอพรจากย่าโมอยู่เสมอ อนุสาวรีย์หล่อด้วยทองแดงรมดำ สูง 1.85 เมตร หนัก 325 กิโลกรัม แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทาน ในท่ายืน มือขวากุมดาบ ปลายดาบจรดพื้น มือซ้ายท้าวสะเอว หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนฐานไพทีสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองซึ่งบรรจุอัฐิของท่านท้าวสุรนารีมีนามเดิมว่า คุณหญิงโม เป็นภรรยาปลัดเมืองนครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ได้ยกทัพเข้ายึดเมืองโคราช คุณหญิงโมได้รวบรวมชาวบ้านเข้าสู้รบและต่อต้านกองทัพของเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ไม่ให้ยกมาตีกรุงเทพฯได้เป็นผลสำเร็จ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี   ประชาชนพร้อมใจกันจัดงานเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารีขึ้นระหว่างวันที่ 23 มีนาคม     ถึงวันที่ 3 เมษายน เป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณความดีของท่าน

6.ขอพรหลวงพ่อโต วัดเนินกุ่ม อ.สีคิ้ว นครราชสีมา

ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 42 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อทองเหลืองรมดำ หลวงพ่อโต (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยผู้ที่ก่อตั้งวัดเนินกุ่มก็คือ คุณสรพงษ์ ชาตรี ดาราภาพยนตร์ชื่อดังในประเทศไทย โดยผู้ที่มาวัดนี้นอกจากจะได้สักการะขอพรจากหลวงพ่อโตแล้ว ยังได้สัมผัสกับสิ่งก่อสร้างภายในวัดและสวนหย่อมที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม รายละเอียดสอบถามได้ที่ มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์โต โทร. 081-6401281, 081-9110622

การเดินทาง
จากกรุงเทพ มายังปากทางสู่อีสาน ตามทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ ประมาณ 42 กิโลเมตร ก่อนถึงโคราช จะเห็นวัดโนนกุ่มที่ตั้งอย่างตระหง่านได้อย่างชัดเจน


7. อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ลักษณะภูมิประเทศมีทั้งส่วนที่เป็นพื้นดินและส่วนที่เป็นอ่างเก็บน้ำ มีเนื้อที่ประมาณ 45 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ป่าเหนืออ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ประกอบด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนของเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นเทือกเขาที่เป็นเขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่า ยอดสูงสุดได้แก่ เขางะงันนิกยวกตอง สูงประมาณ 1,513 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยเฉลี่ยสูงประมาณ 500 เมตร ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินแกรนิต บางแห่งเป็นเขาหินปูน ในหลายแห่งอุดมไปด้วยแร่ฟลูออไรน์ ปกคลุมด้วยป่าดิบชื้นเป็นส่วนใหญ่ เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี ลำห้วยสำคัญของแม่น้ำเพชรบุรีที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้แก่ ห้วยประโดน ห้วยบางกลอย ห้วยแม่เสลียง ห้วยหินเพิง ห้วยสาริกา ห้วยฝาก ห้วยไผ่ และห้วยสามเขา ลำห้วยที่สำคัญของแม่น้ำปราณบุรีในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ได้แก่ ห้วยคมกฤช ห้วยโสก แม่น้ำสัตว์ใหญ่ ห้วยป่าแดง และห้วยป่าเลา ซึ่งเป็นอีกสถานที่ที่ประทับใจ ตั้งใจจะไปล่องแก่งแต่น้ำแห้งขอด  เลยไม่ได้ไป กลางคืนก็มีกิจกรรมสนุกสนานมีการลงขันนำเงินซื้อหมูหันและเครื่องดื่ม เต้นรำกันสนุกสนานมาก ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากการพักโรงแรมเป็นรีสอร์ท ทำให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างเพื่อนและอาจารย์  สนุกสนานกันมาก

ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ7:06:00 หลังเที่ยง

    จารคับ ช่วยแสดงความคิดเห็นแล้วนะ อย่าลืมเพิ่มคะแนนให้19/304ใด้ไม่ใด้ตอบมาที่ www.squalo204@ovi.com ด้วยนะคับ...
    .. ..
    .........
    .......
    ...
    .

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การพัฒนางานแนะแนวในสถานศึกษา

แนวคิดเรื่องทักษะชีวิตและแนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต

ใบงานที่ 10 ประว้ติส่วนตัว